วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Chapter III



สวัสดีครับ




ในวันนี้ผมจะพูดถึงการทดลองของผมในวิชาเตมี
จากเนื้อหาในเรื่องอัตราเราได้รู้ว่ามีปัจจัยต่างๆดังนี้
1.ธรรมชาติของสาร
2.ความเข้มข้น
3.พื้นที่ผิว(ของแข็ง)
4.อุณหภูมิ
5.ความดัน

ในคาบกลุ่มผมทำเรื่อง พื้นที่ผิวโดยใช้ชอล์ก(CaCO3) ผสมกับ HCL ดังสมการ
 CaCO3(s) + 2 HCl (aq) --> H2O(l) + CO2(g) + CaCl2(aq)
ดังนั้นเราจะสามารถดูได้จาก ปริมาณ CaCO3 ที่ลดลง

การทดลอง
1.นำชอล์กที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาหักและบด
 1.1 ชุดแรกเป็นแบบไม่ได้หัก
 1.2 ชุดที่สองหักเป็น 2 ท่อน
 1.3 ชุดที่สามบดจนละเอียด
2.ใส่ HCl ความเข้มข้น 6 M 20 หยด ประมาณ 0.05*20 = 1 ml มีปริมาณ HCl = 6mmol
3.ผสมน้ำให้มีปริมาตร 50 ml
4.นำชอล์กที่เตรียมไว้ใส่ลงบีกเกอร์ตามลำดับ
5.จับเวลาจน CaCO3 ละลายหมด
6.บันทึกผลการทดลอง





ผลการทดลอง
 
ลำดับการเกิดปฏิกิริยา
บีกเกอร์ 3 บีกเกอร์ 2 บีกเกอร์ 1 ตามลำดับ

สรุปผลการทดลอง

จากผลการทดลอง ชอล์กที่บดมีพื้นที่ผิวมากที่สุด
ชอล์กที่หักมีพื้นที่ผิวมากกว่าชอล์กที่ไม่ได้หัก ดังนั้นื้นที่ผิวมีผลต่อการเกิดปฏิกิริยา

การทดลองที่สองเป็นของกลุ่มเพื่อนผมทำเรื่องความเข้มข้น
โดยใช้ Sodium thiosulfate ผสมกับ HCl
 2HCl(aq)  +  Na2S2O3(aq)  -->        2NaCl(aq)    +      SO2(g)    +   S(s)  +  H2O(l)
จะสามารถวัดได้จากความขุ่นของสารละลาย

การทดลอง
1.ใส่ sodium thiosulfate ในความเข้มข้นต่างกัน 1,2,3 น้อยไปมากตามลำดับ
2.กากบาทลงบนกระดาษ
3.วางบีกเกอร์ในตำแหน่งที่กากบาท
4.ใส่ HCl ลงใน บีกเกอร์ทั้งสาม
5.ดูอัตตาการเกิดปฏิกิริยาจากเวลาที่กากบาทหายไป
6.บันทึกผลการทดลอง





ผลการทดลอง
ความเร็วที่กากบาทหายไป
บีกเกอร์ 3 บีกเกอร์ 2 บีกเกอร์ 1 ตามลำดับ

สรุปผลการทดลอง

ความเร็วที่กากบาทหายไปคือ อัตราการเกิดปฏิกิริยา
เพราะผลิตภัณฑ์ จะทำให้น้ำขุ่น ถ้ากากบาทหายไปเร็วแสดงว่าปฏิกิริยาเกิดเร็ว
จากผลการทดลอง อัตราการเกิดปฏิกิริยา แปรผลตาม ความเข้มข้น

ปิดท้ายด้วย Physic Phenomena





 ฺBye Bye ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น