สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน
ยินดีต้อนรับสู่ Blog
ของผมซึ่งจะเขียนเกี่ยวกับการเรียน เคมี ของผมครับ
สวัสดีครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า แนะนำตัวก่อน ผมชื่อเบสท์นะครับ ^^
เรามาเริ่มกันด้วยเรื่องเล่าสนุกๆกันดีกว่าครับ
เรื่องเล่านี้ไม่ได้อ้างอิงถึงบุคคลหรือสถาบันใดๆทั้งสิ้นนะครับ
ซึ่งผู้เล่าจะใช้คำว่าผมแทนตัวเอง
เช้าวันหนึ่งในโรงเรียนที่รักของผม ผมได้รับมอบหมายงานให้เขียน Blogตอนแรกผมก็คิดอยู่จะมีเรื่องอะไรให้เขียนนะ
แล้วผมก็เดินออกจากห้องแล้วไปเรียนต่อตามปกติ
แล้วคาบต่อมาคุณครูให้ไปปริ้นชีทมาเรียนด้วยจากอินเทอร์เน็ต ตอนแรกเพื่อนๆก็งงๆก็โอเค
แล้วคาบนั้นก็จบลง คาบต่อมาก็เริ่มต้นคุณครูก็เดินเข้ามาตามปกติแล้วก็สั่งให้ปริ้นท์ชีทอีก
ทุกคนในห้องจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น?? จึงถามครู ครูจึงตอบว่าปีนี้โรงเรียนของเราได้มีนโยบาย
ลดการปริ้นท์เอกสาร จึงให้นักเรียนไป ปริ้นท์เอง ตอนนั้นคำถามก็ผุดขึ้นมาทันทีว่า
เพื่อ... ทันใดนั้นครูก็พูดขึ้นว่าปีที่แล้วโรงเรียนเราเสียค่าปริ้นท์
เกือบ 2,000,000 บาทฟังผ่านๆก็เหมือเยอะนะ และในค่าเทอมนักเรียนมีส่วนที่เป็นค่าเอกสารเพียง
25 บาท ต่อคนเท่านั้น!! พออ่านถึงจุดนี้คงคิดว่าค่าเทอมโรงเรียนนี้ต้องประมาณหลักพันแน่เลย
แต่จริงๆค่าเทอมหลักหมื่นและหลายหมื่นเลยครับ
ผมก็เลยคิดว่าอย่างงั้นขึ้นค่าเทอมสัก
500 สิ เพราะโรงเรียนเรามีนักเรียนเกือบ 6000 คนจึงได้ว่า 500
X 6,000 = 3,000,000 เท่านี้เราก็มีตังไปปริ้นท์เอกสารละ
แล้วเรายังเหลือตังอีกเกือบล้าน
ไว้สร้างห้อง lab ได้สบายๆ
แต่เมื่อลองมาคิดให้ดีการปริ้นท์ใช้ไฟใช้ พลังงานอีกทั้งยังใช้ทรัพยากร
จึงอาจจะต้องลด เพราะเราเข้าร่วมโครงการEnergy mind awards เราจึงจะได้มาซึ่งรางวัลแต่ในความเป็นจริงกลับใช้ทรัพยากรณ์ มากกว่าเดิมอีกเพราะการปริ้นท์หลายๆรอบครั้งละน้อยๆ
กินไฟกว่าการปริ้นรอบเดียวแต่จำนวนมาก
แต่เอาจริงๆ ผมว่ารางวัล Energy mind awards ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองให้ลูกมาสมัครเรียน
แต่จุดเด่นจริงๆของโรงเรียนนี้คือ สถานที่ที่สะดวกน่าเรียน
บุคลากรที่มีคุณภาพ เทคโนโลยี และ สื่อการเรียการสอนที่หลากหลาย และยังให้การสนับสนุนนักเรียนอย่างมาก...............................
อ่านมานานพักสายตาสักแปปนึง
ต่อกันเลยดีกว่าถามว่าทำไมปริ้นท์เองแล้วลำบากหรอ คำตอบคือ
ก็นิดหน่อยนะจากที่ผมได้เจอเอง และที่เพื่อนๆประสบมา คือ
ปริ้นท์แล้วกระดาษติด ปริ้นท์แล้วเอียงและที่สำคัญที่สุดคือต้องมานั่งกลับกระดาษ
เวลาปริ้นท์ เพราะ 80% ของห้องผมไม่ได้ใช้ printer แบบดีดีที่ปริ้นได้ทีละสองหน้า แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาคือ สั่งปริ้นท์
หน้าคี่ก่อนแล้วค่อยสั่งปริ้นท์หน้าคู่แล้วกด
reverse page ก็จะได้ชีทหน้าหลังที่สวยงาม แต่ปัญหาคือต้องปริ้นเป็นร้อยแผ่นและปริ้นท์
อีกหลายวิชาจึงเกิดปัญหาขึ้นคือปริ้นเตอร์ดูดกระดาษติดมาสองใบจึง
ทำให้รันหน้าผิดหมด คือ แทนที่ 11-12 13-14 15-16 เป็น 11-
13-12 15-14 17-16แล้วทำไงล่ะก็ต้องปริ้นท์ใหม่น่ะสิพอผมปริ้นท์เสร็จ
หมึกลดไปพอสมควรกระดาษหมดไปครึ่งรีม แต่เราก็มีวิธีแก้ปัญหาใหม่คือการปริ้นมาชุดนึงแล้วไปซีลอค
แต่ก็ต้องมีผู้เสียสละไปซีลอคและ ต้องมานั่งเก็บเงินเพื่อนๆ
ซึ่งทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาแต่ในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เราคงต้องหาวิธีแก้ปัญหาต่อไปนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น...................
"ข้อคิด ก่อนเราจะทำอะไรเราควรคำนึงถึง
ผลที่จะได้และสิ่งที่จะเกิดขึ้น"
ต่อจากนั้นผมก็ได้ยินอีกคำพูดนึงที่ครูหลายๆท่านพูดคือ
คำว่า "Teach less learn more"โดยส่วนตัวผมชอบคำพูดนี้เพราะผมเคยไปเรียนที่นึงมี
Concept ว่า " เราสอนให้เรียนรู้วิธีการเรียนรู้"เพราะเด็กเก่งจริงๆต้องศึกษาและต้องการความรู้ด้วยตนเองเพิ่มเติมและครูจะให้ความรู้แต่ยังไงก็ไม่สามารถทำให้เด็กจำได้ทั้งหมดเด็กจึงต้องกลับไปทบทวนด้วยตนเองและ
อีกอย่าง Teach lessคือ ลดการสอนลง แต่เพิ่มการเรียนรู้ learn
more จากสิ่งต่างๆเพราะการเรียนรู้อาจไม่ได้มาจาก การเรียนในห้องเพียงอย่างเดียวเช่นในเคมีผมได้ไปลองเผาสารและดูสีของไฟที่เปลี่ยนไปและได้ลองดูการทำปฏิกิริยาและแก๊สที่เกิดขึ้นโดยดูจากการแทนที่น้ำ
และได้ลองทำไตรเตรท และดูการเปลี่ยนแปลงของ indicator จริงๆ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไม สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
การทดลองทำให้สิ่งที่เราเรียนสามารถจับต้องได้จริงๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนอย่างมากเพราะ
ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เราสนใจมันจะสนุกเราจะทำมันได้ดี และ มีความสุขไปกับมัน
พ่อแม่ของผมสอนเสมอให้เรียนหนังสือเหมือนตอนเล่นเกมส์ หลังจากอ่านแล้ว หลายคนคิดในใจว่ามันจะเหมือนได้ไง
ตอนแรกผมก็คิดอย่างงั้น และผมก็ลองดูผมว่าก็ได้ผลดีนะเพราะเหตุผลจริงๆที่ทำให้เราเล่นเกมส์คือ
การชนะ คงไม่มีใครเล่นเกมส์แล้วแพ้ทุกครั้งแล้วสนุกหรอกและอีกอย่างคือ
ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ เช่นการบินการไปสู้กับ มอนสเตอร์ การทำลายเมือง แล้วสามารถ เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ
แล้วเรากับมาดูการเรียนของเรา ก็เหมือนการเล่นเกมส์แหละ การอ่านหนังสือเหมือนการตีมอนส์เก็บเวล
การหาความรู้เพิ่มเติมหรือเรียนเพิ่มเติมเหมือนการกดปุ่ม Upgrade แล้วการสอบแข่งขันก็เหมือนการไปแข่งหรือไปสู้กับคนอื่นในเกมส์
และเมื่อเราชนะการแข่งขันเราก็จะเริ่มสนุกและท้าทายมากขึ้นถ้าคิดอย่างนี้การเรียนจะสนุกขึ้นเยอะเลยครับ
^^
กลับมาที่
concept เรา "Teach less and learn
more" ทุกๆสิ่งบนโลกมีข้อดีก็มีข้อเสียแต่อยู่ที่อะไรจะมากกว่ากันเท่านั้นสำหรับข้อเสียคือในโลกแห่งความเป็นจริงเราจำเป็นต้องใช้ความรู้อย่างมากในการสอบเราจึงต้องการความรู้ในห้องเหมือนกัน
และถ้าหากเราสอนน้อยลงแต่เรียนรู้มากขึ้นเราอาจสู้โรงเรียนอื่นไม่ได้และนอกจากนั้นถ้าในห้องมีแต่การเรียนรู้คือให้ปัญหาแล้วคิด
แล้วให้ไป ศึกษาต่อเอง
จะมีเด็กสองกลุ่มคือเด็กที่ขวนขวายต้องการความรู้ และ เด็กที่แค่เรียนในห้องก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วและการทำอย่างนี้จะทำให้ gap
ระหว่างเด็กสองกลุ่มนี้ห่างกันเรื่อยๆผมจึงมีความเห็นให้เป็น "Teach
more learn more" โดยการสอนเนื้อหาให้แน่นและให้เด็กได้สัมผัสกับของจริงเช่น
การทดลองและการไปดูเทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรียนและก่อนหมดคาบเมื่อให้พื้นฐานความรู้ที่ต้องใช้ไปแล้วก็ตั้งโจทย์น่าคิดแต่ไม่จำเป็นต้องส่งเพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กเพราะสมมติมีเด็กแปดคนแล้วอาจารย์ให้ลองคิดดู
หัวข้อแรกคนที่ 1-2 และ หัวข้อถัดไปคนที่ 3-4 ก็อาจจะสนใจ เพราะทุกคนมีความสนใจไม่เหมือนกันและเมื่อทุกคนไปศึกษามาและรู้สึกสนใจในสิ่งที่เรียนจะทำให้บรรยากาศการเรียนสนุกขึ้นและได้ความรู้มากขึ้น
เรามาเริ่ม พูดเกี่ยวกับเคมีกันเลยดีกว่าตอนนี้ผมกำลังเรียนเรื่องอัตราครูจึงให้ช่วย
กันคิดวิธีที่จะทำให้ได้ผลผลิตมากที่สุดโดยให้โจทย์เป็นทำยังไงก็ได้ให้ A +
B -> C + D และสิ่งที่เราต้องการคือสาร D โดยเปรีบบเทียบให้
A เป็น iphone B เป็นปากกา ผสมกันได้
สาร C เป็นเก้าอี้ สาร D เป็น
แปรงลบกระดาน พูดง่ายๆคือสมมติให้เอา iphone ผสมกับ
ปากกาให้ได้ แปลงลบกระดานที่แพงมากกก 555
โดยเมื่อทุกคนเสนอจึงได้หัวข้อดังนี้
1) setup a turbine
2) add more catalyst
3) add more raw material
4) change raw material
5) increase size of reactor
6) find the optimum condition
7) compress the reactor to be less volume
9) increase concentration of substrate
10) systematical operation
11) add more reactors
12) add more energy into reactor
13) change materials' matter
14) put more passion on employee
15) increase surface area of reagent
16) plan rotating usage of machine
17) research and development
18) advertising and promoting
19) customer's mind
20) technology
และเหตุผลต่างๆจะกล่าวในอาทิตย์หน้า Bye Bye ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น